Resume/CV ถือเป็นสิ่งแรกๆ ที่ HR หรือบริษัทจะเห็นจากคุณ ถ้าคุณเขียน Resume/CV ได้ไม่ดี โอกาสที่คุณจะถูกเรียกสัมภาษณ์ก็จะยิ่งน้อยลงไปด้วย วันนี้เรามีเกล็ดเคล็ดลับเล็กๆน้อยๆมาแนะนำ

ความแตกต่างระหว่าง Resume และ CV คือ
1. โดยปกติแล้ว Resume จะไม่เกิน 1 หน้า ในขณะที่ CV จะเกินหนึ่งหน้าได้
2. Resume บอกถึงความสามารถและประสบการณ์ของคุณแบบคร่าวๆ ในขณะที่ใน CV คุณสามารถสาธยายความสามารถ ประสบการณ์ และความรู้ของคุณได้
3. Resume ปรับเปลี่ยนได้ตามงานที่สมัคร ส่วน CV จะไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง (เพราะเป็นการลิสต์ทุกอย่างที่สำคัญที่คุณเคยทำมา) สำหรับนักศึกษาจบใหม่ คิดว่าใช้แค่ Resume ก็พอ

เคล็ดลับวิธีการเขียน Resume/CV

1. เปิดตัวต้องทำให้น่าสนใจ

บ่อยครั้งที่เจอคนเขียน Statement ที่ใช้สรุปรวมความสนใจ ความชอบ และความต้องการของตัวเองแบบทั่วๆ ไป เช่น I am looking for a meaningful job that will fulfil myself as a professional

อ่านแล้วรู้สึกเป็นยังไงบ้าง?

ถ้าเขียนแบบนี้ จะรู้สึกว่าคนคนนี้ไม่มีความน่าสนใจอะไรเลย ถ้าสมมุติลองปรับสักนิดให้เป็น I am a creative professional that is seeking for a digital planner position จะดูน่าสนใจมากขึ้นเยอะ เพราะว่า 1. คุณอธิบายถึงคุณลักษณะของตัวเอง 2. คุณอธิบายถึงงานที่อยากทำ

2. ค่าพลัง อย่าใส่

การใส่ค่าพลังพวก Teamwork, Leadership, Communication หรืออื่นๆ ลงไปใน Pie Chart หรือ Bar Chart นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ

ถ้าคุณสงสัยว่าทำไม อยากให้คุณลองคิดตามดูนว่าการที่คนคนนึงมีค่าพลัง Teamwork 90% หรือค่า Leadership 5 เต็ม 5 นั้น เขาเอาเกณฑ์การวัดมาจากไหน? เขารู้ได้ยังไงว่าความสามารถ (ที่เป็น Soft Skill) นั้นวัดออกมายังไง?

เห็นไหมล่ะครับว่ามันไม่ค่อยสมเหตุสมผล

เพราะฉะนั้น แทนที่จะบอกว่าคุณเก่งอะไร (โดยเฉพาะในด้าน Soft Skill) วิธีการนำเสนอความสามารถที่ดีกว่าคือการบอกว่าคุณเคยทำอะไรสำเร็จมาบ้าง (เช่นเคยประกวดการแข่งขันแผนการตลาดได้ที่ 1 หรือถ้าจะให้ดีใส่ลิงก์ผลงานที่คุณเคยทำลงไปด้วยเลย)

การใส่คะแนนสอบภาษาอังกฤษเช่น TOEFL/IELTS หรือผลการสอบวัดระดับอื่นๆ ที่มีมาตรฐาน สามารถใส่ลงไปใน Resume สามารถทำได้ (และถ้าคุณทำคะแนนได้ดี มันก็เป็นหนึ่งในวิธีการแสดงความสามารถของคุณ)

3. อธิบายตัวเองให้เหมาะกับตำแหน่ง

“กุนซือมักจะไม่แข็งแรงเท่าแม่ทัพ เช่นกัน แม่ทัพก็ไม่ลึกซึ้งเท่ากุนซือ”

คุณไม่ควรบอกว่าทำอะไรได้หลายสิ่งหลายอย่างเพราะแต่ละตำแหน่งอาศัยความรู้ความสามารถที่ต่างกัน เช่นถ้าคุณสมัครงานเกี่ยวกับการวางแผน คุณก็ควรที่จะพูดถึงความสามารถในการวางแผนของคุณ แต่ถ้าคุณสมัครงานเรื่องขาย คุณก็ควรที่จะเน้นชูทักษะด้านการสื่อสารของคุณ

ผมเห็นเด็กจบใหม่หลายคนมากๆ ที่ชูความสามารถของตัวเองได้ไม่เหมาะกับงาน เช่นคนที่บอกว่าชอบวางแผนแต่ดันเน้นบอกว่าตัวเองพูดเก่งเป็นพิธีกรนู่นนี่นั่น อีกอย่างที่พบเจอบ่อยคือการชูโรงตัวเองมีความสามารถในการเป็นผู้นำที่ดีมากๆ (โดยการใส่คะแนน 5 เต็ม 5 ใน Chart สวยๆ) ซึ่งเอาจริงๆ “ทักษะความเป็นผู้นำ” เป็นสิ่งที่ทางบริษัทไม่ได้โฟกัสกับผู้สมัครงานในตำแหน่ง Junior (โดยเฉพาะคนที่ยังไม่เคยผ่านการทำงานจริงมาก่อน) เพราะการที่จะเป็นผู้นำที่ดีได้ คุณควรที่จะเรียนรู้การเป็นผู้ตามที่ดีก่อน

ทุกอย่างมีข้อยกเว้นนะครับ บางงาน บางตำแหน่ง ต่อให้เป็นระดับ Junior ความเป็นผู้นำอาจจะเป็นสิ่งสำคัญก็ได้

4. การออกแบบ Resume/CV เป็นสิ่งที่สำคัญ

การออกแบบ Resume คือการออกแบบ User Experience ความหมายก็คือคุณสามารถออกแบบได้ว่าต้องการให้ HR หรือบริษัทนั้นเปิดอ่าน Resume ของคุณอย่างไร ทำการบริโภคคอนเทนต์ของคุณอย่างไร และรู้สึกกับคุณในขั้นต้นอย่างไร

คุณสามารถหา Best Practice (เช่นการทำไฟล์ Resume ให้เป็น pdf ก่อนส่ง การเอาประสบการณ์ล่าสุดขึ้นมาก่อนประสบการณ์ในอดีต หรือการเอาประสบการณ์มาก่อนการศึกษา) ได้เพียงแค่ลองค้นหาผ่าน Google

นอกจากเรื่องแนวคิดของการเขียน Resume ที่คุณจะหาได้จากเว็บไซต์ต่างๆ บน Google แล้ว คุณสามารถใช้โปรแกรมอย่าง Canva ที่มี Template ของ Resume ให้มากมายอยู่แล้วมาใช้สร้าง Resume ของคุณก็ได้

Jobshere